น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยความสูงของน้ำตก 23 เมตร และกว้างกว่า 150 เมตร น้ำตกไรน์นี้ เป็นน้ำตกโบราณ มีอายุเก่าแก่มากประมาณ 14,000 - 17,000 ปี
เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ประจำภูมิภาค ครอบคลุมตั้งแต่เมืองซูริคเรื่อยไปจนถึงแคนตอนซังต์กัลเลน ที่ทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักเดินทางนิยมจัด day trip เพื่อนั่งเรืออกจากตัวเมืองซูริคไปยังเมืองและหมู่บ้านต่างๆที่ตั้งอยู่รอบๆทะเลสาบ
เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของลูเซิร์น นักประติมากรรมชาวเดนมาร์ก Bertel Thorvaldsen เป็นผู้ออกแบบ “สิงโตลูเซิร์น” ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารสวิสกว่า 600 นายที่เสียชีวิตในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส อนุสรณ์ขนาดใหญ่นี้เป็นการแกะสลักบนผิวหินทรายของบ่อหินเก่า ซึ่งมาร์ก เทวนได้กล่าวไว้ว่านี่เป็น “หินที่ดูเศร้าและสะเทือนใจที่สุดในโลก”
ที่มีชื่อเรียกว่า ทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้ (Lake of the four forest cantons) ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา โอบล้อมไปด้วยอ้อมกอดแห่งเทือกเขาธรรมชาติและอาคารบ้านเรือนรูปทรงน่ารักสะดุดตา แต่งแต้มให้เกิดทัศนียภาพอันสวยงาม และให้กลิ่นอายแห่งความเป็นเมืองแห่งขุนเขาได้เป็นอย่างดี
ทอดข้ามแม่น้ำรอยซ์และมีอายุยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 สะพานชาเพลเป็นสะพานมุงหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปและประดับด้วยภาพวาดเก่าแก่มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ชมขณะเดินไปบนสะพาน อย่าลืมชมหอคอยกลางน้ำ (Water Tower) ซึ่งสมัยก่อนเคยใช้เป็นคุกและห้องทรมาน สะพานชาเพลสองในสามส่วนได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ในปี 1993 และได้รับการบูรณะอย่างดีตั้งแต่นั้นมา
เป็นยอดเขาที่มีความสูงถึง 3,238 เมตร มีหิมะปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปี ในหน้าหนาวถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่คนนิยมมาเล่นสกี หรือจะนั่งกระเช้าเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาทิตลิส ซึ่งสามารถเห็นวิวได้ 360 องศา
ถ้ำนี้มีอายุกว่าพันปี มีความยาวถึง 130 เมตร และลึกที่สุดถึง 15 เมตร มีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี อุณหภูมิข้างในจะหนาวเหน็บแบบติดลบ อุณหภูมิ 1 ถึง 1.5 องศา แต่ก็ทำให้เราติดใจในความแปลกตาของรูปทรงน้ำแข็งที่สวยใสวาววับราวกับคริสตัลของสวารอฟสกี้ มีพรมกันลื่นปูไว้ให้เดิน และเปิดไฟสลัวๆภายในถ้ำ ทำให้สวยงามมาก
สะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ในเมือง Engelberg ในเขตทะเลสาบลูเซิร์น ซึ่งจะทอดเลียบไปกับแนวหน้าผาของภูเขา Titlis ที่มีความสูงกว่า 10,000 ฟุต เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักท่องเที่ยวได้สำรวจความงามของธารน้ำแข็งเบื้องล่างได้ง่ายโดยไม่ต้องผ่านการฝึกเดินไต่ภูเขาน้ำแข็ง
คือเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐโว ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา และตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโลซานมากนัก สำหรับการท่องเทียวในเมืองเวเว่ย์ นั้น เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆคนที่เคยมาเยือน ต่างก็ขนานนามให้เมืองเวเว่ย์ เป็น "ไข่มุกแห่งริเวียร่าสวิส (Pearls of the Swiss Riviera)" ดินแดนที่เหมาะแก่การทำกิจกรรมแทบทุกฤดูกาล
ดาวตลกค้างฟ้าชาวอังกฤษ มีผลงานสร้างชื่อเสียงในอเมริกา และเลือกเวเว่ย์เป็นสถานที่พักกายใจในบั้นปลายของชีวิต
เมืองเล็กๆแสนน่ารักที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ทะเลสาบแสนสวยที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งเมืองแห่งนี้ถือเป็นเมืองอีกเมืองหนึ่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่เป็นอีกจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคนที่ฝันเอาไว้ว่าจะต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง
เมืองรีสอร์ทน่ารัก ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามตลอดการเดินทาง และเป็นปากประตูสู่เซอร์แมท
เป็นเมืองเล็กๆ ในหุบเขา เป็นส่วนหนึ่งของพันธรัฐ Valais เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา Matterhorn (แมทเทอร์ฮอร์น) ซึ่งเป็นยอดเขาที่มีความสูงถึง 4,478 เมตร เป็นที่หมายปองของนักปีนเขาและนักเล่นสกีที่จะมาเยือนที่นี่ ที่สำคัญเมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ปราศจากมลพิษโดยสิ้นเชิง เพราะว่าเป็นเมืองที่ห้ามนำเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเข้าไปในตัวเมืองเด็ดขาด
เป็นยอดเขาที่เป็นที่นิยมสูงสุดของเหล่านักท่องเที่ยวในการชมยอดเขา Matterhorn
เมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบบนเนินเขาซึ่งโอบล้อมไปด้วยทะเลสาบเจนีวา อย่าง ‘เมืองโลซานน์’ ที่ได้ชื่อว่ามีทัศนียภาพงดงามที่สุดเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์กันเป็นอย่างดี เพราะครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินี และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ในปี พ.ศ. 2467 ถึง พ.ศ. 2494
เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (รองจากซูริก) ตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำโรนไหลออกสู่ทะเลสาบเจนีวา เมืองเจนีวาได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองนานาชาติ (Global City) เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างชาติที่สำคัญหลายองค์กร เจนีวาเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นเมืองคมนาคมหลักของทวีปยุโรปอีกด้วย
น้ำพุที่มีชื่อเสียงก้องโลก “สัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา” ที่มีความสูงถึง 390 ฟุต น้ำพุเจทโด จะส่งน้ำครั้งละ 500 ลิตรต่อวินาที ขึ้นไปพุ่งกระจายบนอากาศที่ความสูง 140 เมตร ด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในทะเลสาบเจนีวา โดยตั้งเป็นระบบ security valve ของโรงงาน Coulouvreniere hydraulic factory ตั้งแต่ปี 1891 ต่อมาก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ท่องเที่ยวของ Geneva มาจนถึงปัจจุบัน
มีชนิด 2 เข็ม และ 3 เข็ม ขนาดตั้งแต่ 100 ซ.ม. ถึง 1,000 ซ.ม. หรือมากกว่า และหน้าปัดนาฬิกา มีความชันได้ ไม่จำกัดองศา สามารถใช้กระแสไฟฟ้าหรือพลังงานแสงอาทิตย์ได้ ไฟฟ้าดับยังสามารถใช้งานได้ นาฬิกาดอกไม้ ที่สวนอังกฤษ (Jardin Anglais) บ่งบอกถึงความสำคัญ ของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาที่มีต่อเจนีวา นาฬิกาดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมีชื่อเสียงของเมืองเจนีวาในเรื่องของอุตสาหกรรมนาฬิกานั่นเอง
มีความหมายตามภาษาละตินว่า เมืองระหว่างทะเลสาป เมืองอินเตอร์ลาเคนนี้ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างสองทะเลสาป คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) และ ทะเลสาบทูน (Lake Thun) อีกทั้งยังเป็นทางขึ้นยอดเขาที่จะทำให้คุณเห็นธารน้ำแข็งซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
อีกหนึ่งหมู่บ้านเล็กที่ตั้งอยู่เชิงเขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงวันหยุด เพลิดเพลินไปกับการใช้เวลาว่างออกสำรวจความงดงามอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันยอดเยี่ยม ซึ่งรวมถึงยอดเขาชื่อก้องโลกทั้ง 3 แห่งอย่าง ไอเกอร์ (Eiger), ไอเกอร์ (Monch) และจุงเฟรา (Jungfrau)
มีความหมายว่า สาวน้อย เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรป มีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงาม ได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe ยอดเขาจุงเฟรา มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้ มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2007
เมืองเก่านี้เป็นเมืองศูนย์กลางของกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่เป็นเมืองเก่าที่มีความสวยงามและสมบูรณ์สุดๆ จนองค์การยูเนสโก้ประกาศให้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกด้าน วัฒนธรรม สร้างขึ้นบนเนินเขา ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ บ้านเรือนสีสันก็น่ารักสดใส และยังให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศบ้านเมืองแบบยุโรปโบราณ
เป็นตึกของรัฐสภาสร้างขึ้นในปี 1894 – 1902 เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมของสมาชิกสภาแห่งชาติและสมาชิกสภาแห่งมลรัฐแต่ละรัฐ จะสามารถเข้าเยี่ยมชมได้กรณีที่ไม่มีการประชุม ซึ่งการประชุมจะถูกกำหนดไว้ก่อนแล้วสามารถเช็คได้จากเว็ปไซต์
หอนาฬิกายักษ์ใหญ่เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ.1530 หรือเกือบๆ 500 ปี มาแล้ว ทุกๆ ชั่วโมง นาฬิกาจะตีและมีรูปปั้นสัตว์ออกมา
สัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น ที่ว่าสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์นก็เพราะว่า มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยผู้ครองเบิร์นในยุคนั้นได้ออกล่าสัตว์ สัตว์ตัวแรกที่ล่าได้ คือ หมี จึงได้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า เบิร์น เบิร์นสามารถอนุรักษ์สัญลักษณ์ และประวัติศาสตร์ความเป็นมาเป็นไปของเมืองได้ดี สวนหมีแห่งนี้ได้เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2552